วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาชีพที่อยากเป็นคือเภสัชกร







มหาวิทยาลัยมหิดล













ประวัติ
มหาวิทยาลัยมหิดล มีความเป็นมาจาก โรงศิริราชพยาบาล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นบริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือที่เรียกว่า วังหลัง[4] ต่อมา จึงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ณ โรงศิริราชพยาบาล และตั้งชื่อโรงเรียนแพทย์ว่า "โรงเรียนแพทยากร"[5] จัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตร 3 ปี หลังจากนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดตึกของโรงเรียนแพทย์ จึงได้พระราชทานนามโรงเรียนแพทยากรใหม่ว่า "โรงเรียนราชแพทยาลัย"


พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราชในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" จึงได้รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าเป็นคณะหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2460[6] โดยใช้ชื่อว่า "คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ต่อมา จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล"

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ได้แยก คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป็น "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์"[7] สังกัดกระทรวงการสาธารณสุข โดยได้จัดตั้งคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยมากมาย เช่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ พญาไท คณะเภสัชศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีการโอนคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปเป็น คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ ไปเป็น คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ต่อมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์แบบ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกเป็นชื่อมหาวิทยาลัยแทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม[8]

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมหิดลจัดการเรียนการสอนภายในคณะ สถาบัน วิทยาลัยต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงพระปรมาภิไธย ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2550[9] และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เป็นผลทำให้มหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ





ตรามหาวิทยาลัย ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ ภายใต้มีจักรกับตรีศูล และอักษร ม ออกแบบโดยหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกพิเศษประจำสำนักพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยมหิดล ตามจดหมายสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 [10]โดย
พระมหาพิชัยมงกุฎ คือ ศิราภรณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญ แสดงว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
จักร กับ ตรีศูล คือ ตราเครื่องหมายประจำพระบรมราชวงศ์จักรี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย
อักษร "ม" มาจากคำว่า "มหิดล"
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย ได้แก่ ต้นกันภัยมหิดล ซึ่ง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประทานพระราชวินิจฉัยชี้ขาดให้ "ต้นกันภัยมหิดล" เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542[11]
สีประจำมหาวิทยาลัย ได้แก่ สีน้ำเงินแก่ เป็นสีแห่งความเป็นราชขัติยนุกูลแห่งบรมราชวงศ์ ซึ่งสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระยศในขณะนั้น) พระราชทานเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2512[12]



การศึกษา




มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดสอนในระบบหน่วยกิต ปัจจุบันมีการจัดการเรียนการสอนและการวิจัยทั้งสิ้น 551 สาขาวิชา[13] ครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์ ทั้งในหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สามารถผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาเอกได้มากที่สุดในประเทศ[14]

ในปี พ.ศ. 2548 มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีปริมาณนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด[15] และใน พ.ศ. 2549 และได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณประเภทธุรกิจบริการดีเด่นกลุ่มการศึกษานานาชาติจากนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Export Award 2006) เพื่อประกาศเกียรติคุณมหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างประเทศมากที่สุด (Most recognized service) ในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัล เมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล[16] ปัจจุบัน มีหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
คณะบัณฑิตวิทยาลัย
คณะกายภาพบำบัด
คณะทันตแพทยศาสตร์
คณะเทคนิคการแพทย์
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
คณะพยาบาลศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คณะเภสัชศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
คณะศิลปศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
คณะสัตวแพทยศาสตร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
ประวัติโก๊ะตี๋ อารามบอย






ชื่อ - สกุล:เจริญพร อ่อนละม้ายชื่อเล่นโก๊ะตี๋
วันเกิด: 31 ธันวาคม 2523
สถานะ: โสด อายุ:29
ปีส่วนสูง: ไม่ระบุ
น้ำหนัก: ไม่ระบุ
ประเภทดารา:นักแสดงและพิธีกร
การศึกษา: เรียนหนังสือที่ ร.ร.วัดท่าอิฐ ก่อนไปจบ ม.3 ที่ ร.ร.โพธิ์ทองจินดามณี
ที่อยู่: 154 ถ.ลาดพร้าว ซ. 107 คลองจั่น บางกะปิ กทม. 10240
รางวัล : เคยได้รับรางวัล "ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อพ่อแม่" จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรม ราชูปถัมภ์ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
ผลงานที่ผ่านมา

พิธีกร
นักแสดงตลก
ปล้นนะยะ(2004)
พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า(2005)
พระ - เด็ก - เสือ - ไก่ - วอก(2006)
ไทยถีบ(2006)
ก้านกล้วย(2006)
เพลงสุดท้าย(2006)
โกยเถอะโยม(2006)
แซ่บ(2006)
แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า(2006)
มากับพระ(2006)
หอแต๋วแตก(2007)
ภาพยนตร์ เรื่อง ตั๊ดสู้ฟุด รับบทเป็น
ละคร เรื่อง รักต้องซ่อม รับบทเป็น น้าชาติ
ภาพยนตร์ เรื่อง โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า รับบทเป็น ป๋อง
ละคร เรื่อง ลูกระนาด รับบทเป็น โชค
ภาพยนตร์ เรื่อง เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ รับบทเป็น เหล่
ภาพยนตร์ เรื่อง ผีตาหวานกับอาจารย์ตาโบ๋ รับบทเป็น กร่าง
ภาพยนตร์ เรื่อง เทวดาท่าจะเท่ง รับบทเป็น เทวดาหน้าโก๊ะ
ภาพยนตร์ เรื่อง หนุมานคลุกฝุ่น รับบทเป็น โก๊ะ
งูมี 2 หัว

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าว จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ว่า มีงูประหลาดสองหัวขนาดจิ๋ว จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 76/2 หมู่ที่ 1









ซึ่งพบชาวบ้านหลายสิบคนกำลังแห่มาดู งูประหลาดสองหัวขนาดจิ๋ว ที่ลักษณะของลำตัวมีสีดำ ตัดด้วยลายขวางสีเงิน มีความยาวทั้งตัวขนาด 6 นิ้ว โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าว ทยอยมาขอดูงูสองหัวประหลาดจำนวนมากตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ จากการสอบถาม นางยุพิน คงประสม อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นผู้พบเห็นงูสองหัวคนแรก กล่าวว่า ในขณะที่ตนเองกำลังจะเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก็พบเห็นงูตัวดังกล่าว นอนขดอยู่บริเวณพื้นกลางห้อง ซึ่งพื้นห้องน้ำ เป็นพื้นกระเบื้องที่มีความเย็น จึงได้ตระโกนเรียกให้ลูกสาวนำแก้วน้ำ เพื่อมาจับงูสองหัวตัวนี้เก็บไว้

ลูกเจี๊ยบมี 4 ขา

โดยชาวบ้านเรียกงูชนิดนี้ว่า งูปล้องเงิน แต่มีความประหลาดที่มีขนาดเล็กกว่างูปล้องเงินทั่วไปและมีสองหัว ซึ่ง นางยุพิน เชื่อว่างูตัวนี้จะนำโชคลาภมาให้ ตนเองและครอบครัว จึงจะเก็บรักษางูตัวนี้ไว้เพื่อบูชาอย่างดี และจะไม่ยอมยกให้ใครเพราะถือว่างูต้องการมาอยู่กับตนเอง ส่วนชาวบ้านที่แห่มาขอดูงูประหลาดนั้น นางยุพิน ยินดีและไม่ขัดข้องที่จะนำงูออกมาโชว์ให้ดู เพราะถือเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล และ ใครจะนำไปตีเป็นเลขเด็ดตัวใดนั้น ทางนางยุพินก็ไม่สอบถาม เพราะถือว่าเป็นโชคของใครก็ของคนนั้น




ลูกไก่ แปลกประหลาด เกิดมามี 4 ขา หาดูยาก เพิ่งฟักออกมาได้ 7 วัน ชาวบ้านแห่ดูไม่ขาดสาย เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าของยันพร้อมเเลี้ยงไว้จนโต ขณะที่ชาวบ้านเชื่อให้โชคตรงกับบ้านเลขที่ 44....
วันนี้(28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 1 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ พบลูกไก่ประหลาด มีขา 4 ขา โดยขาคู่หน้าเป็นปกติ ส่วน 2 ขาหลังโผล่ออกมาจากช่วงก้น ที่ขาหลังซ้าย มี 3 นิ้ว ส่วนขาหลังขวา มี 2 นิ้ว และมีกรงเล็บทั้งสองข้าง สอบถาม นางหลงน๊ะ อุปมา อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของลูกไก่ เล่าว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่ไก่พื้นบ้านของตนที่เลี้ยงไว้ฟักไข่ออกมา มีประมาณ 4-5 ตัว ซึ่งในตอนแรก ตนก็ยังไม่เห็นตัวที่มีสี่ขา จนกระทั่งตนเอาข้าวไปหว่านให้ลูกไก่กิน พบว่า มีลูกไก่ตัวหนึ่ง ติดอวนอยู่ในพงหญ้า จึงช่วยมันออกมา ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า ขาที่ติดอยู่เป็นขาอีก2 ขา จึงแยกออกมาไว้ในตะกร้านางหลงน๊ะ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เกิดเห็นไก่มีสี่ขามาก่อน เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต จึงแยกเลี้ยงไว้ต่างหาก และหาอาหารเสริมมาให้กินหวังเลี้ยงให้มันโต และจะไม่กินเป็นอาหาร แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ได้สักกี่วัน เพราะไม่ยอมกินอาหาร ขณะที่ชาวบ้านทราบข่าวก็แห่กันมาดูกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน แต่ยังไม่มีใครใบ้หวยเพราะเป็นมุสลิม อย่างไรก็ตาม ก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งเชื่อว่า ไก่ที่ออกมานี้ถือเป็นโชคดีและเลขก็ตรงกับบ้านเลขที่ คือไก่มี 4 ขา บ้านเลขที่ 44 ด้วย งูมี 2 หัว

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าว จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ว่า มีงูประหลาดสองหัวขนาดจิ๋ว จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 76/2 หมู่ที่ 1

ซึ่งพบชาวบ้านหลายสิบคนกำลังแห่มาดู งูประหลาดสองหัวขนาดจิ๋ว ที่ลักษณะของลำตัวมีสีดำ ตัดด้วยลายขวางสีเงิน มีความยาวทั้งตัวขนาด 6 นิ้ว โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าว ทยอยมาขอดูงูสองหัวประหลาดจำนวนมากตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ จากการสอบถาม นางยุพิน คงประสม อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นผู้พบเห็นงูสองหัวคนแรก กล่าวว่า ในขณะที่ตนเองกำลังจะเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก็พบเห็นงูตัวดังกล่าว นอนขดอยู่บริเวณพื้นกลางห้อง ซึ่งพื้นห้องน้ำ เป็นพื้นกระเบื้องที่มีความเย็น จึงได้ตระโกนเรียกให้ลูกสาวนำแก้วน้ำ เพื่อมาจับงูสองหัวตัวนี้เก็บไว้

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552




เราชื่อ เด็กหญิงนรีกานต์ ใจมั่น ชื่อเล่น ป่าน
เกิด 27 เมษายน พ.ส.2540









ที่อยู่ 246 หมู่ 2 ต.ไผ่ขวาง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
















มาจากโรงเรียน อนุบาลสุพรรณบุรี






ดาราที่ชอบ



นักร้องที่ชอบ





การ์ตูนที่ชอบ


กีฬาที่ชอบ


หนังที่ชอบ





เพลงที่ชอบ